Search

หัวเว่ยเอาชนะความไม่แน่นอนในช่วงปีที่ผ่านได้อย่างไร

2020-08-13

แม้ว่าจะมีความไม่แน่นอนจากปัจจัยภายนอกหลายครั้งที่ผ่านมา หัวเว่ยก็ไม่เคยลดละความพยายามในการรักษาวิสัยทัศน์และพันธกิจของเรา เรามุ่งมั่นที่จะนำระบบดิจิทัลเข้าสู่ในทุกองค์กร

ดังนั้นแล้วเรายังคงอยู่รอดจากการแพร่ระบาดและเหตุการณ์สกัดกั้นธุรกิจที่เกิดขึ้นในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาได้อย่างไร คำตอบง่าย ๆ ก็คือกลยุทธ์ในการให้บริการที่หลากหลาย หลังจากความพยายามกว่า 10 ปี หัวเว่ยได้สร้างระบบการจัดการความต่อเนื่องทางธุรกิจแบบครบวงจรที่ครอบคลุมทางด้านการวิจัยและพัฒนา การจัดซื้อจัดจ้าง โรงงานการผลิต โลจิสติกส์ และด้านอื่น ๆ อีกมากมาย กลยุทธ์ซัพพลายเออร์ที่หลากหลายนี้ เป็นที่รู้กันว่ามันคือ แผนสำรองซึ่งเป็นมาตรการ BCM ที่สำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยง จากความขัดข้องในบริการไปจนถึงช่วงเวลาที่ใช้งานไม่ได้ เนื่องจากเหตุฉุกเฉิน นอกเหนือไปจากนี้ ยังช่วยปกป้องเราจากเทคโนโลยีแบบปิด และช่วยในการจัดการวงจรการใช้งานของเทคโนโลยีเก่าให้มีประสิทธิภาพ

การใส่ไข่ทั้งหมดลงในตะกร้าใบเดียวตามคำพูดของคนโบราณ หมายความว่าคุณกำลังทิ้งโอกาสในการเสี่ยงโชคของคุณ อย่างไรก็ตาม เราสามารถรักษาเสถียรภาพทางธุรกิจไว้ได้ไม่ว่าสถานการณ์ภายนอกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรด้วยการกระจายความเสี่ยง ที่จะช่วยให้เราได้รับเงินปันผลทางเทคโนโลยีและช่วยให้ลูกค้าบรรลุถึงการเปลี่ยนแปลงทางด้านดิจิทัล

มาดูโมดูลออปติคัลเป็นตัวอย่าง ในช่วงที่เกิดการระบาดของโรค ซัพพลายเออร์รายใหญ่ 4 รายได้หยุดการผลิต และตลาดทั้งหมดได้รับผลกระทบจากการลดลงถึง 60% ของการผลิต แต่หัวเว่ยได้ส่งมอบอุปกรณ์ที่มีอยู่ให้เสร็จสิ้นได้ภายในสามวัน ตรวจสอบคุณสมบัติของซัพพลายเออร์รายใหม่ได้ภายในหนึ่งวัน และส่งมอบอุปกรณ์ได้อย่างครบถ้วนภายในสองเดือน ซึ่งจริง ๆ แล้วเกิดจากการใช้ระบบ BCM ของเรานั้นเอง ทำให้หัวเว่ยสามารถเปิดตัวโซลูชันที่ออกแบบมาให้เหมาะสมสำหรับระยะต่าง ๆ ในการระบาดของโรค เรามีส่วนร่วมเป็นอย่างมากในกลยุทธ์ด้านการรับมือกับการระบาดของโรคด้วยความช่วยเหลือจากเทคโนโลยี

หัวเว่ยใช้ระบบ BCM ที่ครอบคลุม เพื่อลดผลกระทบจากเหตุฉุกเฉินและรับประกันความต่อเนื่องทางธุรกิจ ไม่เพียง แค่สำหรับเราเท่านั้น แต่ยังสำหรับพันธมิตรทางการค้าและลูกค้าของเราด้วย จากพื้นฐานทางด้านนี้ หัวเว่ยจะช่วยให้ลูกค้าประสบความสำเร็จทางธุรกิจโดยการเปลี่ยนแปลงระบบดิจิทัลทางด้านอุตสาหกรรมชั้นนำ ส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงการใช้ระบบอินเตอร์เนตภายในองค์กรและศูนย์ข้อมูล และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นในระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม

ในตลาดเน็ตเวิร์คองค์กรและศูนย์ข้อมูล หัวเว่ยมีเป้าหมายที่จะเป็นนักปฏิรูป เพื่อนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงในตลาดทั้งสองแห่ง ง่าย ๆ ก็คือ: แม้หน่วยงานและศูนย์ข้อมูลที่มีอยู่เดิมยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่เราสามารถยกระดับประสิทธิภาพได้

โดยเราจะใช้โซลูชัน Wi-Fi 6 ที่ขับเคลื่อนด้วย 5G, Campus OptiX - ที่รวมข้อดีของ IP และเครือข่ายออปติคัล - และแพลตฟอร์ม Horizon Digital เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพเครือข่ายภายในองค์กรใหม่ เราจะสร้างเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่ครอบคลุมทุกการเชื่อมต่อ ด้วยโซลูชันอัจฉริยะจากหัวเว่ย เพื่อให้บริการเครือข่ายที่สามารถบริหารจัดการได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์แบบ

เรามีโซลูชันที่สามารถปรับได้ตามนโยบายขององค์กรสำหรับการเข้าใช้, เครือข่ายและแอปพลิเคชันในเลเยอร์ต่างๆบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตภายในองค์กร ซึ่งในชั้นการเข้าถึง หัวเว่ยมีโซลูชัน Wi-Fi 6 ที่โดดเด่นกว่าใครในตลาดด้วยเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วย 5G เมื่อเปรียบเทียบโซลูชันของผู้ให้บริการรายอื่นในอุตสาหกรรม โซลูชัน Wi-Fi ของเรามีรัศมีการครอบคลุมของสัญญาณมากกว่าถึง 20% นอกจากนี้ด้วย Dynamic Turbo เราสามารถลดเวลาความหน่วงสัญญาณในการตอบสนองลงครึ่งหนึ่งและรับปริมาณข้อมูลได้สูงถึง 10.75 Gbit/s ที่ชั้นการสื่อสารของเครือข่ายมีเพียงหัวเว่ย เท่านั้นที่สามารถผสมผสานการทำงานระหว่าง IP และเครือข่ายออปติคัลด้วยระบบการจัดการแบบรวมศูนย์ที่จัดการทั้ง IP และอุปกรณ์ออปติคัลได้อย่างราบรื่น สิ่งที่กล่าวมาแล้วข้างต้นจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ หากผู้ประกอบการมีแค่เครือข่ายออปติคัลหรือเครือข่าย IP อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น

ในศูนย์ข้อมูล คำสำคัญในตอนนี้คือ "นิยามใหม่" ดังนั้นเราสร้าง "นิยามใหม่" ให้กับศูนย์ข้อมูลได้อย่างไร

คำตอบหนึ่งสำหรับคำถามนั้นก็คือวิวัฒนาการของเครือข่าย ศูนย์ข้อมูลแบบดั้งเดิมอาจมีเครือข่ายอิสระ 3 เครือข่ายเพื่อเชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์ อุปกรณ์เก็บข้อมูล และ HPC แยกจากกัน แต่โซลูชัน DCI ของหัวเว่ยได้สร้าง "นิยามใหม่" ให้กับแนวทางการปฏิบัติ โดยรวมทั้งสามสิ่งเข้าด้วยกัน พร้อมกับการทำงานทั้งหมดเข้าเป็นหนึ่งเดียว กลายเป็นเครือข่ายแบบครบวงจร

อีกคำตอบนึงก็คือ การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีแบตเตอรี่ ในอดีตศูนย์ข้อมูลได้ใช้แบตเตอรี่แบบตะกั่ว-กรด ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ค่อนข้างล้าสมัยที่ไม่สามารถใช้งานได้และไม่มีใช้ในบางอาคาร ปัจจุบัน แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนคือสิ่งที่จะใช้ในอนาคต ซึ่งจุดเด่นของเทคโนโลยีหัวเว่ย คือระบบการจัดการแบตเตอรี่ที่รองรับกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีในอนาคตได้อย่างราบรื่น ซึ่งหมายความว่าลูกค้าสามารถใช้ได้ทั้งระบบเดิมและระบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพในเวลาเดียวกัน และคุ้มค่ากับการลงทุน ปัจจุบันหัวเว่ยเป็นเวนเดอร์เพียงรายเดียวในอุตสาหกรรมที่สามารถทำเช่นนี้ได้

และอีกคำตอบสำหรับคำถามของเราเกี่ยวข้องกับ "การเปลี่ยนนิยามใหม่" ให้กับการทำ O&M การจัดการศูนย์ข้อมูลมีความซับซ้อน ในศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ การลงทุน O&M ย่อมมีขนาดใหญ่ตามไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่หัวเว่ยให้บริการ O&M อัจฉริยะแบบ "1-3-5": ซึ่งหมายถึงการตรวจจับข้อบกพร่องโดยอัตโนมัติในหนึ่งนาที, ค้นหาข้อผิดพลาดในสามนาที และแก้ไขปัญหาในห้านาที การประมวลผลข้อผิดพลาดที่มีประสิทธิภาพสามารถทำได้ด้วยระบบ AI ขั้นสูงของเรา ซึ่งสามารถแก้ไขข้อบกพร่องของศูนย์ข้อมูลทั่วไปได้ 85% นำ O&M อัจฉริยะในศูนย์ข้อมูลเข้าสู่ยุคใหม่

เป็นที่รับรู้กันเป็นอย่างดีจากลูกค้าทั่วโลกของเรา และการสนับสนุนจากพันธมิตรของเรากลุ่มธุรกิจหัวเว่ย เอ็นเตอร์ไพรส์มีรายได้จากยอดขาย 8.9 พันล้านหยวนในปี 2562 โดย 86% ของตัวเลขดังกล่าวมาจากพันธมิตรของเรา

ในปัจจุบัน บริษัท 228 บริษัทในเครือฟอร์จูนโกลบอล 500 รวมถึง 58 บริษัทจาก 100 บริษัทอันดับแรกได้เลือกหัวเว่ยเป็นพาร์ทเนอร์สำคัญในการก้าวสู่ยุคดิจิทัล ในช่วงเวลาที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพื่อที่จะรับมือกับวิกฤตการณ์การระบาดครั้งใหญ่ได้ดีมากขึ้น ธุรกิจต่าง ๆก็มักจะนำเทคโนโลยี ICT เข้ามาช่วยเป็นเครื่องมือในการเร่งความเร็วการเติบโตให้กับธุรกิจ หัวเว่ยจะยังคงเดินหน้าสนับสนุนองค์กรต่างๆสร้างพื้นฐานสำคัญสำหรับการเติบโตในโลกยุคดิจิทัลเพื่อส่งเสริมการพัฒนาธุรกิจผ่านเทคโนโลยีชั้นนำของอุตสาหกรรม

TOP