ผลิตภัณฑ์ โซลูชั่น และบริการสำหรับองค์กรธุรกิจ
เทคโนโลยีที่สำคัญ: ทั้ง Wi-Fi 6 และ 5G ใช้เทคโนโลยี Orthogonal Frequency Division Multiple Access (OFDMA) ซึ่งมาจาก LTE Wi-Fi 6 ใช้ subcarriers สำหรับการส่งข้อมูลของผู้ใช้พร้อมกัน นอกจากนี้ เทคโนโลยี่ MU-MIMO (multi-user multiple-input multiple-output) ยังมีอยู่ใน Wi-Fi 6 เพื่อเพิ่มทั้งแบนด์วิดท์ต่อ AP และความประสิทธิภาพในการเชื่อมต่อที่เพิ่มขึ้นถึง4 เท่า
สถานการณ์การใช้งาน: Wi-Fi 6 เป็นเทคโนโลยีไร้สายระยะทางสั้นและเหมาะสำหรับการครอบคลุมพื้นที่ภายในตัวอาคาร เนื่องจากข้อจำกัดของทรัพยากรคลื่นความถี่และกำลังการส่ง ทำให้ Wi-Fi 6 ไม่สามารถทำงานได้ดีในพื้นที่นอกตัวอาคารโดยสัญญาณมีแนวโน้มที่จะถูกรบกวน เครือข่าย 5G ได้รับการวางแผนและจัดการอยู่แล้วโดยหน่วยงานระดับชาติตามทรัพยากรคลื่นความถี่ที่ได้รับอนุญาต สำหรับการใช้งานภายนอกตัวอาคารที่มีสัญญาณรบกวนต่ำ การใช้เครือข่าย 5G จึงเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่สามารถทำได้ แต่สำหรับการครอบคลุมภายในตัวอาคาร สัญญาณความคลื่นถี่สูง (24 GHz ถึง 52 GHz) ที่ใช้โดย 5G นั้นมีแนวโน้มที่จะลดลงอย่างมาก จึงจำเป็นต้องวางเครือข่ายที่มีความซับซ้อนสำหรับการใช้งานเครือข่าย 5G การเชื่อมต่อโดยใช้ Wi-Fi จึงมีข้อได้เปรียบที่ชัดเจนมากกว่า 5G เมื่อเทียบกันทางด้านการติดตั้งและการบำรุงรักษาสำหรับการครอบคลุมภายในตัวอาคาร ดังนั้นแล้ว 5G ส่วนใหญ่จะถูกใช้ในที่สาธารณะ การเข้าถึงเครือข่ายสาธารณะ และโครงสร้างพื้นฐานของ Internet of Things (IoT) สาธารณะของเมืองอัจฉริยะ ในทางกลับกัน Wi-Fi ส่วนใหญ่จะใช้สำหรับระบบอินเทอร์เน็ตภายในองค์กรที่สร้างขึ้นเองของหน่วยงานและมีการเข้าใช้งานอย่างหนาแน่นภายในตัวอาคาร
การถือครองคลื่นความถึ่: คลื่นความถึ่ของ Wi-Fi ที่ 2.4 GHz และ 5 GHz นั้นไม่ต้องมีใบอนุญาตหมายความว่าไม่จำเป็นต้องลงทะเบียน หน่วยงานสามารถซื้ออุปกรณ์ Wi-Fi เพื่อเข้าถึงเครือข่ายไร้สาย 10 Gbit/s ได้โดยไม่ค่าไลเซ่นผ่าน Wi-Fi 6 ในทางกลับกัน คลื่นความถี่ 5G ต้องได้รับอนุมัติจากหน่วยงานของรัฐบาลที่เกี่ยวข้องจากแต่ละประเทศ แอปพลิเคชันคลื่นความถี่อาจเป็นขั้นตอนที่ยาวนานและไม่เหมาะกับทุกหน่วยงาน สำหรับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (SMB) ที่ไม่มีระบบอินเทอร์เน็ตภายในองค์กร แอปพลิเคชั่นที่ย่านความถี่ 5G และการใช้สถานีฐาน 5G นั้นจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก
ต้นทุน: การติดตั้งเครือข่าย Wi-Fi นั้นง่ายและ Wi-Fi AP มีความฉลาดมากขึ้นเรื่อย ๆ (ตัวอย่างเช่น หัวเว่ยใช้เสาอากาศอัจฉริยะและเทคโนโลยีการปรับเทียบแบบ SmartRadio RF) การวางแผนเครือข่าย Wi-Fi และ O&M นั้นทำได้ง่ายขึ้นมากกว่าที่เคยเป็นมาและสามารถทำได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมมาแล้ว ในทางตรงกันข้าม การวางแผนและการใช้งานเครือข่าย 5G นั้นต้องมีการวางแผนและการจำลองเครือข่ายที่กว้าง ซึ่งต้องมีการตรวจสอบโดยวิศวกรวางแผนเครือข่ายไร้สายระดับมืออาชีพ การลงทุน การปรับใช้และค่าบำรุงรักษาที่เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
การติดตั้งระบบ: ค่าใช้จ่ายในการติดดั้งอุปกรณ์ Wi-Fi 6 ต่ำกว่า - เพียงแค่อัปเกรดชิปธรรมดาเพื่อเปลี่ยนอุปกรณ์จาก Wi-Fi 5 ให้เป็น Wi-Fi 6 โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนการออกแบบทางด้านโครงสร้าง อุปกรณ์ขนาดพกพาสามารถรองรับ Wi-Fi 6 ผ่านการ์ด PCIe ช่วยเร่งการพัฒนาอุตสาหกรรมทั้งหมดได้อย่างรวดเร็ว การปรับเปลี่ยนเพื่อไปเป็น 5G นั้นต้องออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งหมด ทำให้มีต้นทุนที่เพิ่มขึ้นและความซับซ้อนที่มากให้กับระบบ ดังนั้นเครือข่าย Wi-Fi 6 เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับอุปกรณ์ที่ไม่สำคัญ เช่น เครื่องพิมพ์ กระดานไวท์บอร์ดอิเล็กทรอนิกส์ ระบบควบคุมอาคารอัจฉริยะ ทีวีฉายภาพ และระบบประชุมทางไกลเสมือนจริง ในเดือนเมษายน 2019 Intel ได้เปิดตัวอะแดปเตอร์เครือข่าย Wi-Fi 6 ซึ่งอนุญาตให้อุปกรณ์รุ่นเก่ารองรับ Wi-Fi 6 ผ่าน PCIe ได้
ในขณะที่ 5G ให้ความเร็วที่เหนือชั้น แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีจุดอ่อน - ซึ่งก็คือการครอบคลุมสัญญาณภายในตัวอาคารที่มีราคาแพงและการรองรับของอุปกรณ์ที่ไม่ค่อยจะดี ในทางกลับกัน Wi-Fi 6 นั้นใช้งานได้ดีภายในตัวอาคาร สามารถรับมือกับเหตุการณ์ที่มีความต้องการมากที่สุดคือต้องการแบนด์วิดท์ที่กว้าง ความจุสูงและเวลาในการตอบสนองต่ำ ทำให้เหมาะสำหรับแอปพลิเคชันที่ต้องใช้แบนด์วิดท์ที่กว้างและไวต่อเวลาในการตอบสนอง เช่น VR, 4K และยานพาหนะนำทางอัตโนมัติ (AGVs) ดังนั้นหน่วยงานควรใช้งาน Wi-Fi 6 และ 5G ร่วมกันเพื่อสร้างเครือข่ายที่คุ้มค่าที่สุดที่สามารถรับมือกับสถานการณ์ที่หลากหลาย สำหรับในบางกรณีที่พิเศษ เช่น บ่อน้ำมัน เหมืองแร่และ ยานพาหนะนำทางอัตโนมัติ (AGVs) 5G มีข้อได้เปรียบที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งรวมถึงมีเวลาในการดีเลย์ของสัญญาณต่ำ และการครอบคลุมที่กว้างขวาง
แต่ในสถานที่กลางแจ้งที่มีผู้ใช้งานมาก เช่น ตามสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านและสนามกีฬา เครือข่าย 5G จะไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้ เว้นแต่จะเพิ่มสถานีฐาน 5G ในกรณีนี้ ความจุในการเข้าใช้งานที่มากของ Wi-Fi 6 จึงเป็นโซลูชันที่ประหยัดต้นทุนเพื่อจัดการกับปัญหานี้และยังอนุญาตให้ผู้ใช้งานและอุปกรณ์จำนวนมากได้รับสัญญาณครอบคลุมที่มีคุณภาพสูง